อลาสกันคลีไค สุนัขสายพันธุ์ย่อของอลาสกันจะมีลักษณะเป็นอย่างไร

อลาสกันคลีไค ต่อมาก็เป็นสุนัข  สายพันธุ์อลาสกันเช่นเดียวกัน แต่จะมีขนาดที่เล็กกว่า โดยมันมีชื่อว่า อลาสกันคลีไคลักษณะทั่วไปก็จะคล้ายกับ สายพันธุ์ต้นกำเนิดของมัน นั่นก็คืออลาสกัน ฮัสกี้ โดยสุนัขคันนี้จะมีด้วยกัน 3 ขนาด ขนาดมาตรฐานนั้นจะอยู่ที่ มากกว่า สิบห้านิ้วถึง สิบเจ็ดนิ้ว ส่วนขนาดเล็กนั้นก็จะอยู่ที่ สิบสามนิ้ว ไปจนถึงสิบห้านิ้ว แล้วก็ยังมีขนาดทอย นั่นก็คือมีขนาดน้อยกว่า สิบสามนิ้ว โดยจะมีน้ำหนักตั้งแต่ สิบจนถึงยี่สิบปอนด์ สำหรับขนของพวกมัน

ก็มีความคล้ายกับ สุนัขพันธุ์ฮัสกี้ ชนิดอื่น นั่นก็คือมีขน 2 ชั้น สีก็จะมีดำ เทา ขาว สีสุนัขจิ้งจอก แล้วก็สีแดงขาว บางตัวนั้นก็จะมีหน้ากาก แล้วก็มีลายบนลำตัวที่สมมาตร พวกมันจะผลัดขน เป็นจำนวน 2 ครั้งต่อปีนั่นเอง ลักษณะนิสัยโดยทั่วไป เป็นสุนัขที่ถือได้ว่ามีความฉลาด

แล้วก็มีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ถึงกับไฮเปอร์ ต้องการความรัก และความเอาใจใส่จากเจ้าของ ซึ่งจะแตกต่างจากสายพันธุ์ฮัสกี้ชนิดอื่น ๆ หากฝึกให้ดีแล้วก็จะเฝ้ายามได้เป็นอย่างดี มักจะระแวงผู้คนแปลกหน้า โดยส่วนใหญ่พวกมัน มักจะไม่เอามากจนเกินไป

แล้วมักจะชอบอยู่ข้างซ้ายเจ้าของมันอยู่เสมอ มีการโต้ตอบที่ดี แล้วก็จะมีการหอนเป็นบางครั้ง แต่การเห่าก็ไม่มากจนเกินไป ในบางครั้งพวกมันก็มักจะประมาณ ซึ่งลักษณะนิสัยแบบนี้ ผู้คนมักจะไม่ต้องการ โดยส่วนใหญ่ หากพวกมันมีลักษณะแบบนี้ ก็มักจะถูกทำหมัน

สุนัขพันธุ์นี้ มีความต้องการออกกำลังกายเป็นบางเวลา เนื่องจากความฉลาดของพวกมัน ในบางครั้งพวกมันก็มักจะหนีเก่ง พวกมันไม่ค่อยมีความสุขนัก พวกมันอาจจะรอดหรือจะกระโดด ข้ามรั้วไปเลยก็ได้ พวกมันมักจะมีอารมณ์ขัน แล้วก็ความสามารถทางด้านกีฬา ในบางครั้งพวกมันอาจจะเล่นกล ขนาดเล็กกับเจ้าของก็ได้

อลาสกันคลีไค ประวัติความเป็นมาของสุนัขสายพันธุ์นี้จะเป็นอย่างไร 

อุปนิสัยโดยส่วนใหญ่ พวกมันก็มักจะต้องการ มีปฏิสัมพันธ์ กับผู้ที่เป็นเจ้าของ อย่างมากเลยทีเดียว ความอดทนต่อสุนัขตัวอื่น ของพวกมัน ก็มีมากด้วยเช่นกัน พวกมันมาจากสายพันธุ์นักล่า และก็ควรที่จะเลี้ยงพวกมันไว้กับแมว ขาดเจ้าของสัตว์ ทั้งสองชนิดนี้ ต้องการที่จะเลี้ยงให้พวกมันอยู่ร่วมกัน ก็ควรจะระวัง สัตว์จำพวกสัตว์เลื้อยคลาน นก แล้วก็หนูเป็นต้น เนื่องจากความเป็นนักล่า ในตัวของพวกมัน แล้วก็ความฉลาดขี้เล่นของมัน โดยส่วนใหญ่สัตว์ขนาดเล็ก ก็มักจะถูกพวกมันล่า

พวกมันถือได้ว่าเป็นนักเฝ้าระวังดีเด่น แต่ก็ไม่เหมาะที่จะเอาไว้ปกป้อง โดยส่วนใหญ่แล้ว มันก็จะให้การยอมรับ หากคนในครอบครัว แนะนำคนแปลกหน้า ให้มันทำความรู้จัก ความหนาวถือว่าเป็นสภาพอากาศที่มันชอบ แต่ยังไงก็ควรจะเลี้ยงในบ้าน

ไม่ควรปล่อยให้พวกมันอยู่นอกบ้าน การดูแลรักษา หรือทำความสะอาดขนของมัน ก็ควรทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง นิสัยของมันก็จะคล้ายกับแมว ทางด้านความสะอาด แล้วก็ความพิถีพิถัน ถือได้ว่าเป็นสุนัข สายพันธุ์ในอุดมคติ และเป็นที่ถูกใจสำหรับคนที่รักสุนัขพันธุ์เล็ก

ที่มีความกระตือรือร้นและกระฉับกระเฉง ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงในสนามหญ้าขนาดใหญ่ แต่ความต้องการส่วนใหญ่ ก็ต้องการแค่พื้นที่เดินเล่นนิดหน่อย แล้วก็การเล่นเก็บของเท่านั้น ไม่ควรปล่อยพวกมันไว้ลําพัง ไม่ควรปล่อยไว้เป็นเวลานาน หากใครที่ไม่ชอบขนของพวกมัน @ufabet168v4

ก็ควรที่จะเลี้ยงสุนัขพันธุ์อื่น พวกมันสามารถมีอายุอยู่ได้ ตั้งแต่สิบห้าถึงยี่สิบปี สำหรับประวัติความเป็นมาของพวกมัน ชื่อของพวกมันสามารถออกเสียงให้ชัด ๆ ว่า KLEE-ki นั่นมีความหมายว่า สุนัขเล็ก ซึ่งเป็นภาษาเอสกิโมนั้นเอง ถือได้ว่าเป็นสายพันธุ์ ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาไม่นาน สายพันธุ์สุนัขทั่วโลก

เป็นสายพานที่ถูกพัฒนา ในช่วงปีคริสตศักราช 1970 โดยผู้พัฒนานั้นก็คือ Linda Spurlin (ลินดา สเพอร์ลิ) ซึ่งในตอนนั้นอยู่ที่ Wasilla (วาสิลลา) ในAlaska (อลาสก้า) เธอคนนี้เป็นผู้ค้นพบ แล้วทำการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ โดยมีสายพันธุ์สุนัขดังนี้ สุนัขไซบีเรียนฮัสกี้ สุนัขพันธุ์อลาสกันฮัสกี้ แล้วก็สุนัขพันธ์ชิ๊ปเพิร์ก และสุนัขพันธุ์อเมริกั เอสกิโม ทำให้พวกมันเป็นสุนัขขนาดเล็ก จากนั้นทาง the United Kennel Club ก็ทำการขึ้นทะเบียน ในปีคริสตศักราช 1997  ในปัจจุบันนี้สุนัขสายพันธุ์นี้ ถือได้ว่าเป็น สุนัขสายพันธุ์หายาก และมีเพียง 700 ตัวเพียงแค่นั้น ของสุนัขต้องมี